วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สื่อ นิทานภาพเพลง ร้อง เต้น เล่น อ่าน สรรค์สร้างจินตนาการสู่ภาษา


สื่อ นิทานภาพเพลง ร้อง เต้น เล่น อ่าน สรรค์สร้างจินตนาการสู่ภาษา ชุด1

          เพลงและนิทานเป็นปัจจัยที่สำคัญ ต่อกระบวนการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ทำให้เซลล์สมองของเด็กสามารถเชื่อมโยงต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมจินตนาการ กระบวนการคิด และการเรียนรู้ต่อไป ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างสมดุล หนังสือชุด “ ร้อง เล่น เต้น อ่าน สรรค์สร้างจินตนาการสู่ภาษา” ชุดนี้ เน้นการผสมผสานระหว่างบทเพลงและดนตรีที่ผ่านการสร้างสรรค์จังหวะทำนองให้ เหมาะสมกับเด็กเป็นเพลงร้องปากเปล่าที่ถ่ายทอดต่อๆ กันมา เป็นเพลงคุ้นหูที่ใช้ร้องเล่น และมีท่าเต้นหรือลีลาเคลื่อนไหวประกอบอย่างสนุกสนาน ได้นำมาต่อยอดสร้างสรรค์ออกมาเป็นภาพประกอบเนื้อเพลงในรูปแบบของหนังสือ เป็นการเชื่อมวงจรคำ เข้ากับสุนทรียภาพ เด็กจะได้ซึมซับความงามของดนตรีและศิลปะ พร้อมไปกับการพัฒนาพื้นฐานทางภาษา และการจดจำบรรยากาศที่งดงามนี้ไว้
            นอกจากนี้ เด็กต้องใช้สมาธิในการฟัง คิดตาม และจินตนาการ เป็นการกระตุ้นเซลล์ประสาทของเด็ก ให้แตกแขนงออกได้มากมาย การที่ดึงความทรงจำออกมาต่อยอดกับภาพการเรียนรู้ใหม่ ทำให้เซลล์สมองของเด็กได้เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น ความสามารถในการคิด และการเรียนรู้จึงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

ตัวอย่าง


          เพลง “แมงมุมลาย” เป็นเพลงร้องเล่นปากเปล่าของไทยอีกเพลงหนึ่งที่นิยมรุ่นต่อรุ่น คุณพ่อคุณแม่จะร้องและทำท่าเล่นกับลูกๆ ตั้งแต่เป็นวัยเตาะแตะ และเมื่อแรกเข้าโรงเรียน คุณครูก็จะชวนเด็กๆ ร้องทำท่าตามเพลงนี้ เพื่อบริหารกล้ามเนื้อมือ เพลงนี้เป็นเพลงเก่าแปลมาจากเพลงภาษาอังกฤษ "Itsy Bitsy Spider" หรือ "Inchy Wincy Spider" ประพันธ์แปลเป็นภาษาไทยโดย อ.วิชัย น้อยเสนีย์ ได้ยินครั้งแรกในโรงเรียนอนุบาลในช่วงปีพุทธศักราช 2517 ครูอนุบาลในโรงเรียนอนุบาลสอนนักเรียนให้ร้องตาม
           คุณพีรสันติ จวบสมัย โดยแผนงานสนับสนุนการพัฒนาเด็กปฐมวัย สสส. ได้เรียบเรียงดนตรีใหม่ให้อารมณ์ความรู้สึกอบอุ่นสดชื่น จังหวะทำนองและเสียงของเครื่องดนตรีชวนให้อยากขยับมือขยับร่างกายโยกย้ายไป ตามเพลง ช่วงที่เป็นท่อนกลางมีแต่เสียงดนตรี คุณพ่อคุณแม่และคุณครูอาจชวนให้เด็กสร้างสรรค์ ด้วยการทำท่าอิสระไปตามเสียงดนตรี หรือจับคู่มีผู้นำผู้ตามทำท่าเลียนแบบเป็นเงาในกระจกของกันและกัน หรือทำท่าตามกันคล้ายเป็นเงาของกัน
ด้วยเนื้อเพลงที่เป็นบทกวีสั้นๆ มีสัมผัสคล้องจอง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เด็กๆ จึงสามารถจดจำและร้องตามได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นประสบการณ์เดิมที่ฝังจำ ทั้งยังช่วยกระตุ้นความสนใจ เมื่อคำศัพท์ได้ถูกร้องและทวนซ้ำอยู่เรื่อยๆ จะเป็นการทบทวนในสิ่งที่เด็กเพิ่งได้เรียนรู้มา และง่ายต่อการเชื่อมโยง เมื่อนำมาประกอบกับหนังสือภาพ ที่มีสีสันและเส้นสายสวยงาม โดยคุณสุดไผท เมืองไทย ทำให้การ “อ่านเพลง” ของเด็กๆ มีความหมายและมีความสุข และส่งเสริมให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะอ่านเพลง อ่านนิทาน หรือข้อความอื่นๆ ต่อไป ทำให้การสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น