วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

9 สิ่งที่ควรสอนลูก ในช่วงตรุษจีน


ย่าง เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนทีไร ครอบครัวของดิฉันจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะดิฉันมีเชื้อสายจีน จึงคุ้นเคยกับเทศกาลตรุษจีนมาตั้งแต่เล็ก มีภาพความทรงจำเป็นช่วงวันที่มีความสุขเพราะได้หยุดเรียน ได้พบเจอญาติพี่น้องจำนวนมาก ได้กินอาหารอร่อยๆ และที่สำคัญได้อั่งเปาอีกต่างหาก

9 สิ่งสอนลูกในช่วงตรุษจีน

แต่ถ้าถามว่าแล้วรู้ที่มาที่ไป รวมถึงความสำคัญมากน้อยแค่ไหนของเทศกาลนี้ ก็ต้องตอบว่ามาเรียนรู้เมื่อโตแล้ว ฉะนั้น เมื่อถึงวันที่มีลูกก็เลยไม่อยากปล่อยเรื่องการเรียนรู้ผ่านเทศกาลนี้ไป อย่างลอยนวลแน่ๆ เพราะพ่อแม่มีส่วนสำคัญในการปลูกฝังให้ลูกมีความทรงจำแบบไหนในช่วงเทศกาล ตรุษจีน

หนึ่ง ถือโอกาสอธิบายอย่างง่ายๆ ให้ลูกรู้ถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวจีน และเทศกาลตรุษจีนมีไว้เพื่อให้ลูกหลานได้กราบไหว้บรรพบุรุษ ได้เรียนรู้เรื่องความกตัญญูกตเวที และการที่ญาติพี่น้องได้มาพบปะกัน ก็เพื่อให้ลูกหลานได้รู้จักกันด้วย

สอง  ผู้ใหญ่ต้องเตรียมทำอาหารสำหรับไหว้เจ้า ก็ควรให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในเรื่องการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เขาก็จะเกิดความภาคภูมิใจที่มีส่วนช่วยผู้ใหญ่ ที่สำคัญอย่าลืมคำชมลูกด้วยล่ะกัน

สาม เมื่อเตรียมวัตถุดิบเสร็จก็ชวนลูกเข้าครัว เป็นช่วงเวลาที่ดีให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำอาหารด้วย

สี่ สอนเรื่องการไหว้เจ้า แต่ละบ้านก็มีพิธีกรรมและความเชื่อที่แตกต่างกันไป บางบ้านมีการกราบไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้พระพุทธรูปในบ้าน และไหว้บรรพบุรุษ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในการบอกเล่าให้เขารู้ว่าลักษณะการไหว้แต่ละ แห่งแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงการจุดธูปเทียนที่ต้องมีความระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอันตรายได้

ห้า  สอนมารยาทบนโต๊ะอาหาร เพราะต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นจำนวนมาก สอนเรื่องการตักอาหารให้นึกถึงคนอื่นด้วย หรือไม่ควรพูดคุยในขณะรับประทานอาหาร และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว อย่าลืมให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยด้วยนะคะ

หก  รู้จักแบ่งปันผู้อื่น ในวันนั้นจะมีอาหารจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะกินไม่หมด เราควรจะสอนให้เขานึกถึงคนอื่นก่อนที่จะรับประทาน เช่น อาหารเรามีมากมายจะแบ่งไปให้ใครดี เพื่อให้เขานึกถึงผู้อื่นด้วย

เจ็ด ช่วงเวลาสำคัญที่รอคอย  คือการได้รับ  อั่งเปา แม้เด็กจะรู้ว่าต้องได้ทุกปี แต่ก็ต้องสอนเรื่องมารยาทว่าไม่ควรไปขออั่งเปาผู้ใหญ่ ให้ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายให้เอง และถ้าผู้ใหญ่ให้อั่งเปาเมื่อไร ก็ต้องยกมือไหว้และกล่าวคำว่าขอบคุณด้วยทุกครั้ง รวมไปถึงการเก็บรักษาเงินด้วยความระมัดระวัง เพราะเด็กวิ่งเล่นมักเผอเรอทำหล่นหาย

แปด สอนให้ลูกวางแผนเรื่องการออมเงิน หรือการใช้เงินอย่างเหมาะสม    คุณอาจจะจูงลูกไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อเก็บออมเงิน แต่เด็กมักจะเรียกร้องขอซื้อของ ก็ควรสอนให้เขารู้จักการวางแผนการใช้เงินด้วย ว่ามีเงินอยู่เท่านี้ ควรเก็บออมเท่าไร และซื้อของเท่าไร

เก้า สอนเรื่องความตาย เด็กจำนวนไม่น้อยที่สงสัยเรื่องความตาย พ่อแม่อาจนำเอาพิธีกรรมในวันนั้นมาสอนเรื่องความตายให้แก่ลูกก็ได้ว่า เมื่อคนเราทำดีตายแล้วก็จะได้ไปสวรรค์ ลูกหลานที่ดีก็จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ และระลึกถึงอยู่เสมอ

ใกล้ตรุษจีนแล้ว พ่อแม่สร้างความทรงจำที่ดีและออกแบบการเรียนรู้อย่างสนุกในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ





ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

“ดนตรี” เสียงสวรรค์ สรรค์สร้างความสุข


นำเยาวชนห่างไกลอบายมุข รู้คุณค่าในตัวเอง

สำนัก งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายดนตรีสร้างสุขทั่วประเทศ ร่วมกันสานฝันเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในงานดนตรีกันอีกครั้งแล้ว โดยได้จัดค่ายดนตรีสร้างสุข และดนตรีสร้างสุขสัญจรขึ้น เพื่อให้ดนตรีได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเสริมสุขภาวะให้เยาวชน งานนี้มีการแถลงข่าวกันอย่างคึกครื้น เรียกได้ว่า สมชื่อ “ดนตรีสร้างสุข” อย่างแท้จริงเลยทีเดียว
เป็นที่ทราบกันว่าทาง สสส. ได้ผสานเครือข่ายดนตรีต่างๆ สร้างสรรค์กิจกรรมดนตรีเพื่อเด็กและเยาวชนมาแล้วกว่า 20 โครงการ โดยได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเสมอมา ในปีหน้าจึงมีการขยายผลกิจกรรมค่ายดนตรีสร้างสุขและดนตรีสร้างสุขสัญจร สู่งานมหกรรมดนตรีสร้างสุขระดับภูมิภาค ที่จะมีกำหนดการจัดในทุกๆ ภาค รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งผศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส. บอกว่า สสส. มองดนตรีเป็นช่องทางหนึ่งที่จะสื่อสารการสร้างเสริมสุขภาพสู่กลุ่มเยาวชน ซึ่งถ้านำสุนทรียะของดนตรีมาใส่เนื้อหาเชิงสาระก็จะมีคุณค่า และเป็นสื่อที่สำคัญมาก ทาง สสส. ได้สนับสนุนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้เด็กและเยาวชนได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาเอง เพราะเชื่อว่าสื่อที่พวกเขาผลิตเองจะมีความหมายและมีประสิทธิผลในการเป็น สื่อเสริมสร้างสุขภาพมากกว่า
เช่นเดียวกับนายดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกด้านสื่อและกิจกรรมเพื่อการสร้างเสริม สุขภาพ สสส. ที่มองพลังของดนตรีว่า มีความสำคัญต่อเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมากไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในฐานะผู้ชม หรือผู้แสดงก็ตาม สสส.จึงได้ระดมความคิดจากหลายๆ ฝ่าย มาช่วยกันออกแบบให้มีดนตรีสร้างสุขขึ้นมา เพื่อให้แนวทางนี้มีการพัฒนาที่เข้มแข็งต่อไป
ความน่าทึ่งของดนตรีนอกจากจะสื่อออกมาในรูปของความไพเราะจับใจแล้ว ยังทำให้ผู้เสพมีความสุขได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย อย่างในงานแถลงข่าวในครั้งนี้ก็ได้จัดให้มีการแสดงของเยาวชนจากค่ายดนตรี สร้างสุข ซึ่งผลงานทางดนตรีของแต่ละภูมิภาคก็ให้การรับรู้และสุนทรียะที่แตกต่างกัน ออกไป
  
ประเดิมกันด้วยการแสดงของโครงการดนตรียิ้มละไม กับการแสดงชุดปาร์ตี้ดนตรีเด็กเขาใหญ่ ซึ่งในการแสดงส่วนใหญ่ใช้เพียงเครื่องดนตรีทำมืออย่างง่าย แต่สามารถสร้างความไพเราะ และความรื่นรมย์ได้เป็นอย่างดี ถัดมาเป็นการแสดงดนตรีล้านนาร่วมสมัย งานนี้มีการนำผลงานเพลงใหม่ที่ประพันธ์โดยเยาวชนคีตะนาฏการล้านนา มาบรรเลงให้ฟังกันสดๆ เสียงพิณเปี๊ยะ เสียงซึงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวตามแบบล้านนา สามารถสะกดผู้ฟังได้อยู่หมัดเลยทีเดียว...
ส่วนการแสดงดนตรีสร้างสุขจากเยาวชนภาคอีสาน ก็ทำเอาหลายๆ คนต้องทึ่งไปตามๆ กัน เพราะนายอำพล รักษ์มณี หรือน้องหลอด เยาวชนดนตรีวัย 17 ปี จากจังหวัดขอนแก่นผู้นี้ แม้สายตาทั้ง 2 ข้างจะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถโชว์การแสดงเดี่ยวทั้งเล่นดนตรีและร้องเพลงได้อย่างน่าประทับใจ แถมเป็นผลงานประพันธ์สดๆ ใหม่ๆ ของตัวเองเสียด้วย การแสดงชุดนี้จึงเรียกเสียงปรบมือได้อย่างล้นหลาม
น้องหลอด บอกว่า “ดนตรี ช่วยระบายความรู้สึกได้ดี ไม่ว่าจะสนุกหรือเศร้าก็สามารถสื่อสารผ่านดนตรีได้ทั้งนั้น และยังเป็นที่มาของมิตรภาพที่สำคัญ จึงอยากให้เพื่อนๆ เยาวชนจะเก่งหรือไม่เก่งก็ตาม ขอแค่มีใจรักทางดนตรี ให้มาร่วมกันสร้างสรรค์งานดนตรีดีกว่ามัวเสียเวลากับสิ่งยั่วยุ” ได้ยินอย่างนี้แล้วอย่ารอช้า หันมาเล่นดนตรีกันเสียวันนี้เลยดีกว่า จะได้มีความสุขกันถ้วนหน้า
ปิดท้ายด้วยการแสดงของเยาวชนจากค่ายดนตรีเพาะรัก และค่ายกอดทะเลด้วยเสียงเพลง วงโฮปแฟมมิลี่ วงนี้มาโชว์เพลงเพราะความหมายดีๆ บวกกับความสดใสสมวัย เรียกได้ว่า ผู้ชมในงานแถลงข่าวได้รับความสุขจากดนตรีกันทั่วถึงเลยทีเดียว
น้องลูกศร นางสาววริฒรัตน์ ธวรรณวิวัฒนกุล หนึ่งในเยาวชนค่ายกอดทะเลด้วยเสียงเพลง บอกว่า “การทำงานดนตรีนอกจากได้รับประสบการณ์ดีๆ แล้ว ยังรู้สึกภูมิใจและรู้สึกว่าตัวเองมีค่า เพราะการเรียนดนตรีมาถ้าไม่ได้รับใช้สังคมบ้าง ดนตรีก็คงจะไม่เกิดประโยชน์ แต่นี่เราแต่งเอง จึงใช้ได้เต็มที่แล้วนำไปแลกเปลี่ยนกับคนในชุมชนได้ด้วย คิดว่าการทำแบบนี้มันเป็นความสุขที่ยังยืน”  
  
ด้านนายวินัย พันธุรักษ์ นายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยฯ มองว่า โจทย์ที่ต้องเร่งดำเนินการ คือจะทำอย่างไรให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสสัมผัสและรับรู้เรื่องดนตรีอย่าง ทั่วถึง เพราะในสังคมปัจจุบันพบว่ายังมีเด็กบางส่วนที่ยังไม่ได้รับโอกาสในส่วนนี้ เพราะฐานะไม่เอื้ออำนวย ครอบครัวไม่มีกำลังในการส่งเสริมให้ศึกษาเรียนรู้ อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด หรือไม่ได้รับการสนับสนุนจากสังคมอย่างทั่วถึง ดังนั้นค่ายดนตรีสร้างสุขที่หลายๆ ฝ่ายได้ร่วมมือกันจัดในครั้งนี้ จึงถือเป็นใบเบิกทางสู่โอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่ง ขึ้น เพราะการตระหนักว่า “ดนตรีเป็นเสียงสวรรค์ หากเด็กและเยาวชนได้เสพในส่วนนี้ ย่อมดีกว่าเข้าหายาเสพติดอย่างแน่นอน”
และงานในครั้งนี้ยังได้รับเกียติรจากนายไพจิตร ศุภวารี ประธานสมัชชาศิลปิน คุณทอด์ด ทองดี ลาเวลล์ จากโครงการดนตรีสร้างสุขภาคเหนือ “หิมพานต์คู่โลก” และคุณสุกัญญา มิเกล นักร้องและวิทยากรจากกลุ่มเยาวชนโคตรอินดี้ มาร่วมแถลงข่าวด้วย โดยมหกรรมดนตรีสร้างสุขภูมิภาค มีกำหนดการจัดงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันเสาร์ ที่ 5 มกราคม 2551 ที่กรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 12-13 มกราคม ขอนแก่น จัดวันที่ 19 มกราคม และนครศรีธรรมราช ในวันเสาร์ ที่ 26 มกราคม โดยมีเยาวชนดนตรีในแต่ละภูมิภาค ศิลปินที่มีชื่อเสียง และศิลปินพื้นบ้านมากมายเข้าร่วมงาน
การจัดงานในส่วนภูมิภาคนี้ ถือเป็นการอุ่นเครื่อง ก่อนที่ดนตรีทั้ง 4 ภูมิภาคจะมาร่วมกันอีกครั้งในงาน “มหกรรมดนตรีสร้างสุข” ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 2-3 กุมภาพันธ์ 2551 ณ สวนลุมพินี ซึ่งทาง สสส. คาดหวังว่างานนี้จะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลศิลปะเพื่อสุขภาวะที่ยั่งยืน ที่จะมีการจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกๆ ปีต่อไป

 
 
ที่มา
ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th
 

Smart Symphonies เสียงดนตรี สื่อดีๆ เพื่อเพิ่มไอคิว


PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย กัมพล   



ทำไมดนตรีจึงมีความสำคัญ?


เพราะดนตรีมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบ เกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่ใช้ทั้งสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็น
พื้นฐานของคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การอ่าน เขียน และพูด อีกทั้งมีผลต่อการคิดวิเคราะห์ เหตุผลเชิง
ความสำคัญของสิ่งต่างๆ และใช้สมองซีกขวา ช่วยการเรียนรู้ ความรู้สึก และจินตนาการ รวมถึงกระตุ้นความ
คิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และดนตรี

ดนตรีที่ดีสำหรับพัฒนาการของลูกน้อย เป็นดนตรีที่ประพันธ์ขึ้นให้มีจังหวะ ทำนอง และความกลมกลืนของ
เสียง อย่างมีลำดับ มีส่วนช่วยในการจัดลำดับความคิดในสมองส่วน Spatial Temporal ซึ่งมีความสำคัญต่อ
การเรียนรู้ของเด็ก เช่น เพลงคลาสสิค เป็นต้น

เมื่อลูกในครรภ์อายุ 5 เดือน ระบบประสาทการรับฟังจะเริ่มทำงาน การได้ยินเริ่มต้นขึ้น และพัฒนาต่อไป
เรื่อยๆตามลำดับคลื่นเสียงที่มีโครงสร้างที่เหมาะสมจะไปกระตุ้นเครือข่ายใยประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน
ให้พัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกออกมาลืมตาดูโลกมีความสามารถในการจัดลำดับความคิด
ในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี

จากการวิจัยพบว่า ลูกน้อยมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับจังหวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สามารถเคลื่อน
ไหว และตอบสนองตามเสียงที่มีจังหวะเร็วและช้าได้ สามารถแยกแยะเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมถึง
จดจำเสียงที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น เสียงคุณแม่ คุณพ่อ เสียงเพลงที่เปิดให้ฟัง

ลูกในครรภ์กับพลังแห่งเสียงดนตรี

เมื่อพูดถึง “ดนตรี” กับลูกในครรภ์ คุณแม่อาจคิดภาพความเกี่ยวข้องกันไม่ออก แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้ง
สมมุติฐานว่าเด็กในครรภ์จะสามารถรับรู้จังหวะของดนตรีได้หรือไม่ และได้ทำการศึกษาจนพบความจริง
อันน่ามหัศจรรย์ว่า ลูกน้อยในท้องรับรู้จังหวะของดนตรีได้แล้ว และได้แนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ให้ความสำคัญ
กับการให้ลูกได้ฟังเสียงดนตรี เพราะจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกอย่างมาก

คุณแม่สามารถเปิดเพลงให้ลูกในครรภ์ฟังเมื่อลูกอายุ 5 เดือนขึ้นไป ให้ลำโพงอยู่ห่างหน้าท้อง 1 ฟุตขึ้นไป โดย
เลือกเพลงคลาสสิค หรือเพลงนุ่มๆ เปิดในระดับที่ไม่ดังเกินไป ในช่วงที่ลูกตื่น สังเกตจากลูกมีอาการดิ้น ทั้งนี้
ไม่ควรเปิดบ่อยหรือนานเกินไป ก่อนเปิดก็ชวนลูกในท้องไปด้วยว่า “ลูกจ๋า...มาฟังเพลงกันดีกว่า”
เรื่องน่ารู้ของดนตรีกับลูกน้อยในท้อง
  • จาก การศึกษาถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์จากการตรวจอัลตราซาวนด์ของ Heinz Prechtl  ที่ได้ติดตามและวิเคราะห์ภาพอัลตราซาวนด์ สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 10 ปี พบว่า
    ทารกมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับจังหวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้แล้ว และสามารถ
    เคลื่อนไหวตอบสนองตามเสียงที่มีจังหวะเร็วและช้า
  • จากการวิจัยนี้ยังพบว่า ลูกน้อยยังสามารถตอบสนองต่อเพลงที่ได้ยินจนคุ้นเคย และจะมีปฏิกิริยาต่อ
    เพลงที่โปรดปรานด้วย  รวมทั้งเพลงหรือดนตรีคลาสสิกที่คุณแม่เคยเปิดให้ฟังบ่อยๆ ขณะอยู่ในครรภ์
    หลังจากคลอดแล้ว หากเปิดเพลงนั้นอีก  ลูกน้อยจะแสดงให้รู้ว่าจำได้
  • มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า เสียงดนตรีจะส่งผลดีต่อสมอง และพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกน้อย
    ในครรภ์
  • Dr. Leon Thurman นักวิจัยชาวอเมริกัน ได้ทดลองเปิดเสียงดนตรีให้คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังทุกวัน พบว่า
    เด็กที่คลอดออกมามีพัฒนาการด้านร่างกาย และสติปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป  และเด็กยังเลี้ยงง่าย
    มีอารมณ์ แจ่มใส รวมทั้งมีความผูกพันกับคุณแม่เป็นอย่างมากอีกด้วย
  • Dr. Thomas R.Verny จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และประธานสมาคมการเสริมสร้างพัฒนา
    การเด็กในสหรัฐอเมริกา ได้เคยกล่าวไว้ว่า ในกลุ่มคุณแม่ที่ร้องเพลงกล่อมเด็กให้ลูกน้อยในครรภ์
    ฟังทุกวันอย่างสม่ำเสมอนั้น เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาแล้ว และได้ยินเสียงเพลงนี้จากคุณแม่อีก
    ลูกน้อยมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบ และแสดงอาการสนใจเพลงนั้นเป็นอย่างมาก
              ด้วยเหตุนี้ คุณแม่จึงควรให้ลูกน้อยในครรภ์ได้มีโอกาสฟังดนตรีและจังหวะบ่อยๆ

              กิจกรรมเพื่อสร้างเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการลูกในครรภ์

              ฟังเพลงนะลูก (5 เดือนขึ้นไป)
              เปิดเพลงคลาสสิกทั้งที่เป็นเพลงไทย หรือเพลงสากล ให้ลูกน้อยฟังในช่วงเวลาเย็นๆ เพราะเป็นช่วง
              ที่ลูกตื่นตัว พร้อมฟังเสียงแล้ว
              พัฒนาการที่ได้รับการส่งเสริม
              ช่วงนี้ ประสาทการรับเสียงของลูกพัฒนาแล้ว ทำนองเพลงที่ช้าๆ เบาๆ ผสมผสานกับจังหวะที่เป็น
              ระบบจะทำให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีอารมณ์ดี แจ่มใส โดยเปิดวันละ 1 ครั้งๆ ละ 10-15 นาที
              เพลงนี้ร้องให้ลูกนะ (5 เดือนขึ้นไป)
              คุณแม่ร้องเพลงโปรด หรือเพลงกล่อมเด็กให้ลูกน้อยในครรภ์ฟัง
              พัฒนาการที่ได้รับการส่งเสริม
              เด็กในครรภ์จะชอบฟังเสียงแม่ และเขาจำเสียงแม่ได้  การทำกิจกรรมนี้กับลูก จะส่งผลดีต่อ
              พัฒนาการทางด้านอารมณ์และสติปัญญาของลูก
              คำนี้คล้องจองกัน (5 เดือนขึ้นไป)
              อ่านบทกลอนที่มีคำคล้องจองให้ลูกฟัง แบบทำนองเสนาะ
              พัฒนาการที่ได้รับการส่งเสริม
              กิจกรรมนี้จะช่วยให้อารมณ์ของคุณแม่และลูกน้อยประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน จนเกิดความความสงบ
              ขึ้นในจิตใจ ลูกน้อยเองก็จะรู้สึกอบอุ่นมีความสุข ขณะเดียวกันก็จะคุ้นเคย และสามารถจดจำ
              เสียงคุณแม่ได้มากขึ้นด้วย

ข้อควรปฏิบัติ

คุณแม่เปิดเพลงคลาสสิกทั้งที่เป็นเพลงสากลและเพลงไทย ด้วยจังหวะช้าๆ สบายๆ ผสมผสานกับจังหวะ
ที่เป็นระบบ ทำให้คุณแม่ และลูกในครรภ์มีอารมณ์ดี แจ่มใส
ไม่ควรเปิดเพลงเสียงดังเกินไป หรือฟังทั้งวัน เพราะเสียงที่ดังเกินไปหรือได้รับฟังนาน ก่อให้เกิดความเครียดทั้งตัวคุณแม่ และลูกในครรภ์ได้เช่นกัน
นอกจากการฟังเพลงแล้ว คุณแม่หรือคุณพ่ออาจจะเป็นผู้ร้องเพลงให้ลูกได้ฟัง ก็จะส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ และสมองของลูกน้อยได้เช่นกัน
อัลบั้มเพลงสำหรับพัฒนาการเด็ก มีการผลิตและจำหน่ายเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ ซึ่งคุณแม่คุณพ่อ
สามารถหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายซีดีเพลงที่จำหน่ายเพลงคลาสสิค และเพลงบรรเลงทั่วไป ศิลปินที่แนะนำ
ได้แก่ ผลงานของโมสาร์ต บาค และบราห์ม เป็นต้น
[ที่มา: เว็บไซต์ Enfababy.com]