วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เสียงดีๆ ที่ลูกน้อยอยากฟัง




ลูก มีต้นทุน ทักษะการฟังหรือได้ยินมาตั้งแต่อยู่ในท้องของคุณแม่ สิ่งสําคัญคือ เสียงที่ลูกรับรู้ช่วยเชื่อมโยงข้อมูล ก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมากมาย และเพื่อให้หายข้องใจเรื่องเสียง เรามาอ่านข้อมูลต่อไปนี้กันค่ะ

เสียงเพลง
เสียง แม่ที่ร้องเพลงกล่อมลูก แม้เป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก่อนแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังชอบฟังมากที่สุดโดยเฉพาะเสียงเพลง ที่มีเนื้อร้อง คําคล้องจอง อย่างเพลงกล่อมเด็ก ก็ช่วยปูพื้นฐาน เรื่องภาษาให้กับลูก และหากสังเกตคุณแม่จะพบว่า


• เสียงเพลงที่มีจังหวะตื่นเต้น สนุกสนาน ลูกจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแขนขา
• เสียงเพลงที่มีจังหวะเบาๆ ช้าๆ ลูกจะอยู่สงบนิ่ง อารมณ์ดี รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย


นอกจากเสียงเพลงแล้ว เครื่องเล่นที่มีเสียง ก็ช่วยกระตุ้น ทักษะการฟัง ทําให้เกิดการเรียนรู้ที่จะใช้สายตาประสานกับกล้ามเน ื้อมัดเล็ก อย่างนิ้วมือเพื่อกดหรือเคาะเป็นจังหวะ


เสียงดนตรี

คือเสียงที่เกิดจากเครื่องดนตรี ประกอบกันเป็นทํานองเพลง เสียงดนตรีสําหรับเด็กเล็ก แนะนําว่าควรเป็นเสียงที่มีจังหวะ ท่วงทํานองเบาๆ ช้าๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความรู้สึก เสียงดนตรีที่รู้จักในวงกว้างแวดวงพ่อแม่ ก็คือดนตรีคลาสสิก

ในงานวิจัยพบว่า คลื่นเสียงดนตรีคลาสสิก ซึ่งเป็นคลื่นเสียงที่มีระเบียบ เมื่อเข้าไปกระตุ้นอวัยวะการรับเสียง ต่อเนื่องไปยังสมองส่วนการรับรู้ เกิดการรับ-ส่งและเชื่อมโยงส่งถึงสมอง เซลล์สมองจะเกิดการแตกตัวมากขึ้น สมองจึงเปิดรับสิ่งต่างๆ เรียนรู้ได้ดีเพราะมีสมาธิจากการฟัง หรือหากไม่เกี่ยง เสียงดนตรีไทยที่มีมานานในบ้านเรา ก็มีจังหวะ ท่วงทํานองสบายๆ ฟังได้ง่าย เลือกเปิดให้ลูกฟังได้เช่นกันค่ะ

เสียงต้องห้าม

คือเสียง ที่มีระดับความดังเกิน 70-80 เดซิเบล ร่วมกับการได้ยินบ่อยครั้ง เช่น เสียงเครื่องจักรในโรงงาน ถือเป็นเสียงต้องห้ามควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจส่งผลทําให้ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง หรือเสียงบางประเภท เช่น เสียงแตรรถยนต์ เสียงดนตรีที่มีจังหวะรุนแรง จังหวะไม่แน่นอน ออกแนวอึกทึก สับสนวุ่นวาย จัดเป็นเสียงที่ไม่พึงประสงค์ที่ทําให้เด็กอาจไม่ชอบ ที่สําคัญ ส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ กลายเป็นเด็กหงุดหงิด งอแงได้ง่าย มีทัศนคติกับเสียงนั้นๆ


DO

• ร้องเพลงหรือพูดคุยกับลูกอยู่บ่อยๆ สอนให้รู้ด้วยว่า เสียงนั้นเป็นเสียงอะไร
• ฝึกทักษะการฟังเสียงผ่านการเล่น เช่น การเคาะ ตี ของมีเสียงเป็นจังหวะ เช่น โมบาย กระดิ่ง มีเสียงกรุ๊งกริ๊ง
• เสียงจากธรรมชาติ ก็ช่วยให้ลูกเรียนรู้ เพิ่มประสบการณ์ การฟังที่หลากหลาย เช่น เสียงน้ำไหล เสียงลม


เสียงมีอิทธิพลส่งต่อถึงอารมณ์และจิตใจ โดยเฉพาะเสียงของพ่อแม่ ที่ทําให้ลูกอบอุ่นและปลอดภัย ที่สําคัญ เป็นจุดเริ่มต้นต่อยอดไปถึงพัฒนาการทางภาษา และการพูดในอนาคต ถ้าการฟังของลูกดี การสื่อสาร ใช้ภาษาก็ย่อมดีไปด้วย




ที่มา : Mother&Care Vol.4 No.44

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น